ตู้หยอดเหรียญ vs. ร้านสะดวกซื้อ

ตู้หยอดเหรียญ vs. เปิดร้านสะดวกซื้อ

ลงทุนกับ “ตู้หยอดเหรียญ” จะดีไหม? คืนทุนเมื่อไหร่? คำถามนี้มีคำตอบ เรามาลองเปรียบเทียบให้ดู ระหว่างการเปิดร้านสะดวกซื้อ กับการลงทุนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อจะได้เห็นกันอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องของต้นทุน กำไร และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะตามมา 

1. เงินลงทุน

การเปิดธุรกิจขายสินค้าผ่านตู้หยอดเหรียญจะช่วยคุณลดต้นทุนได้มากกว่าถึง 300% อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่ถึง 3 ปี สำหรับตู้หยอดเหรียญที่มีฟังก์ชั่นครบและราคาประหยัดก็สามารถหาได้แล้วง่ายๆ ในขณะที่การเปิดร้านสะดวกซื้อ คุณอาจต้องเตรียมต้นทุนเผื่อการตกแต่งพื้นที่ที่คุณมีให้กลายเป็นร้านค้า หรือหากถ้าไม่มีพื้นที่ คุณจะมีต้นทุนค่าเช่าที่ที่สูงกว่าอีกด้วย

2. การหาสถานที่

หากคุณต้องการเริ่มเปิดร้านสะดวกซื้อจาก 0 นอกจากต้องใช้เงินทุนที่สูงมากแล้ว ยังต้องมีสถานที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งต้องเป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านพอสมควร (high traffic area) ซึ่งแน่นอนว่าค่าเช่าบริเวณดังกล่าวต้องสูงกว่าปกติอย่างแน่นอน แต่ด้วยขนาดของตู้หยอดเหรียญ และความสะดวกในการเคลื่อนย้าย การหาตำแหน่งในการตั้งตู้นั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าและยังมีราคาถูกกว่าอีกด้วย

 3. การทำรายได้

ตู้หยอดเหรียญมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า “ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ” ซึ่งหมายความว่าตู้นั้น สามารถขายสินค้าได้เองตลอด 24 ชม. เพียงแค่เสียบปลั๊กไฟ ก็สามารถพร้อมทำเงินเข้ากระเป๋าคุณได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องจ้างผู้ดูแลเลย

4. การจ้างพนักงาน

ในการเปิดร้านขายของนั้น หากคุณไม่อยู่เฝ้าร้านเอง คุณต้องเสียค่าจ้างพนักงานอย่างน้อย 1-2 คน ซึ่งในยุคปัจจุบันต้องใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 15,000 บาท และอาจไม่สามารถจะเปิดร้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่สำหรับตู้กดสินค้า นอกจากจ่ายค่าเช่าสำหรับพื้นที่ 1 ถึง 1.5 ตารางเมตรและค่าไฟแล้ว คุณก็จะเหลือหน้าที่เพียงรอเก็บเงินจากตู้อย่างเดียว

ตู้หยอดเหรียญ :

– ค่าเช่าที่ 5,000 บาท

– ทำเงินให้คุณได้ 24 ชั่วโมง

– ไม่ต้องจ้างพนักงาน

ร้านสะดวกซื้อ :

– ค่าเช่าที่ 7,000 – 20,000 บาท

– เดือนพนักงานประมาณ 9,000 บาท/คน

5. การบริหารจัดการ

ในเรื่องของการบริหารธุรกิจของตัวเอง ต้องมีการดูแลอย่าสม่ำเสมอ ถ้าเป็นร้านสะดวกซื้อ เจ้าของร้านต้องใช้เวลาและแรงงานในการตรวจสอบสินค้า เก็บนับเงิน และยังต้องตรวจสอบพนักงานป้องกันการทุจริตด้วยตัวเอง แต่หากเป็นตู้หยอดเหรียญปัจจุบัน ที่มีระบบบริหารจัดการออนไลน์ ทำให้เจ้าของรู้สถานะของตู้ รู้ปัญหา และรู้ยอดขายทันทีแบบเรียลไทม์ และยังสามารป้องกันการทุจริตได้ผ่านระบบ

บทสรุป

สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจผ่านตู้หยอดเหรียญนั้น ไม่ต่างอะไรกับการเปิดร้านค้าเลย เพียงเราเลือกว่าจะขายสินค้าอะไร ควบคุมต้นทุน ตั้งราคาขายที่เหมาะสม และนำสินค้าไปขายในสถานที่ๆ คนต้องการ 

 

ตู้เวนดิ้ง ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุนและลดเวลาการบริหารจัดการของเจ้าของเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น Automatic Shop หรือร้านขายของอัตโนมัติเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้มีงานประจำ หรือพนักงานบริษัท ที่สนใจอยากเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวเป็นงานเสริมอีกด้วย