4 คำถามคาใจที่เจ้าของ “ตู้เวนดิ้ง” ควรรู้

4 คำถามคาใจ ที่ เจ้าของ "ตู้เวนดิ้ง” ควรรู้

สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะทำธุรกิจด้วย ตู้เวนดิ้ง (Vending Machine) คงจะมีคำถามมากมายหลายข้อ วันนี้เรามีทั้งคำตอบและเคล็ดลับมากมายมาให้ทุกคนในบทความนี้ รวบรวมโดยบริษัท Nayax ที่มีผู้ใช้บริการ ตั้งแต่ร้านขายของชำของคุณลงคุณป้า ไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่

1. ซื้อ หรือ เช่า ตู้เวนดิ้ง?

ข้อนี้เป็นคำถามที่ใหญ่ที่สุดข้อหนึ่งสำหรับคนที่อยากมีตู้หยอดเหรียญเลยทีเดียว สำหรับใครที่ไม่ได้มีเงินลงทุนเยอะมากมาย การซื้อตู้เวนดิ้งใหม่รุ่นใหม่ ที่มีราคา 200,000 บาทขึ้นไปก็คงจะเป็นเรื่องยาก หากคุณต้องการที่จะสำรวจความต้องการของตลาดก่อน การเช่าตู้เวนดิ้งจะเป็นทางที่เหมะสมมากกว่า แถมการเช่าตู้ ยังเพิ่มโอกาสที่จะทำให้คุณมีกำลังทรัพย์พอที่จะซื้อตู้เวนดิ้งใหม่ได้ เมื่อหมดสัญญาเช่า

การตัดสินใจซื้อขาดตู้ หมายความว่าคุณไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่มากมาย ซึ่งจะให้กำไรกับคุณได้มากกว่าในระยะยาว แต่คุณก็ยังคงต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบำรุงอยู่ ซึ่งหากคุณเช่าตู้ ทางเจ้าของตู้หรือผู้ให้เช่าจะเป็นผู้ที่ดูแลเรื่องการซ่อมแซมบำรุงตู้ให้คุณ รวมถึงดูแลเรื่องค่าขนส่งและเคลื่อนย้ายตู้ด้วย

2. ต้องเติมของในตู้บ่อยแค่ไหน?

การเติมของในตู้นั้น ขึ้นอยุ่กับผู้ดูแลตู้อย่างคุณ ถ้าคุณไม่ได้ไปเติมขงในตู้เป็นเวลานานๆ และของภายในตู้ของคุณหมด คุณก็จะเสียยอดขาย เจ้าของตู้เวนดิ้งรายใหม่ๆ ส่วนใหญ่มักจะหันมาสนใจ “ระบบบริหารจัดการออนไลน์” เพราะระบบนี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบสถานะและสต็อคของในตู้ของคุณได้แบบออนไลน์

ระบบออนไลน์จะช่วยคุณดูว่าคุณควรจะเข้าไปเติมของบ่อยแค่ไหน และคุณยังสามารถเช็คดูว่าสินค้าไหนหมดได้แบบเรียลไทม์ ระบบนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ หากตู้เวนดิ้งอยู่ไกลจากที่พักอาศัยของคุณ ซึ่งระบบจะช่วยให้คุณประหยัดค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน และไม่ต้องไปเสียเที่ยวบ่อยๆ 

เจ้าของตู้เวนดิ้งที่ติดตั้งระบบออนไลน์นี้ จะได้รับการแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อของในตู้เวนดิ้งใกล้หมด และระบบยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อตู้ทำงานผิดปกติ หรือเกิดความผิดพลาดขึ้น ตั้งแต่ปลั๊กหลุด ประตูปิดไม่สนิท ไปจนถึงอุณหภูมิของตู้

3. ต้องเสียค่าไฟไปกับตู้เวนดิ้งเท่าไหร่?

หน้าที่หลักของเจ้าของตู้หยอดตู้หยอดเหรียญจำเป็นต้องใช้ไปตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งปี ค่าไฟจึเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องกังวล จำนวนพลังงานที่ถุกใช้ ขึ้นอยู่กับขนาดของตู้ และสถานที่ที่วางตู้ด้วย เวลาที่คุณเลือกซื้อหรือเช่าตู้หยอดเหรียญ นอกจากดูที่ราคาแล้ว ลองเช็คดูองค์ประกอบอื่นๆ เช่น มอเตอร์พัดลม ตัวตั้งเวลา คอมเพรสเซอร์ และเซ็นเซอร์ด้วย เพราะอุปกรณ์นี้ จะเป็นองค์ประกอบที่มีผลต่อการกินไฟของตู้

เราได้ทำการการใช้ไฟโดยเฉลี่ยของตู้เวนดิ้งแต่ละรุ่นมาให้ลองดูกัน โดยผลที่ออกมาคือ

  • ตู้แบบคลาสสิก ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 600 – 700 บาท/เดือน
  • ตู้แบบจอสัมผัส ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 900 – 1,000 บาท/เดือน

4. ติดตั้งระบบไร้เงินสด จะคุ้มไหม?

คุ้มแน่นอน! ยุคนี้ผู้คนเริ่มไม่ใช้เงินสดกันแล้ว หลายๆ คนไม่พกเงินสดกันแล้วด้วยซ้ำ พกกันเพียงบัตรเครดิต หรือใช้แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือเพื่อชำระ หากเจ้าของตู้อย่างคุณ ต้องการดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้เช้ามา คุณก็ต้องมีตัวเลือกในการจ่ายเงินแบบไร้เงินสดให้ลูกค้าของคุณ ไม่อย่างนั้นโอกาสในการขายสินค้าภายในตู้ก็จะลดลง การชำระด้วยบัตรเครดิต/เดบิต QR code นอกจากจะสะดวกกว่า ยังปลอดภัยกว่าอีกด้วย

การเสนอวิธีรับชำระไร้เงินสด มีแต่ได้กับได้ ทั้งฝั่งผู้ขายและผู้ซื้อ ยอดขายจะเพิ่มขึ้น และการที่เงินสดลดลง คุณก็ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งนับเงินให้ยุ่งยาก และไม่จำเป็นต้องหมั่นเติมเหรียญเพื่อเตรียมเงินทอน

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการรับชำระไร้เงินสด ก็คือ การถูกโจรกรรมลดลง แถมระบบยังสามารถช่วยป้องกันการทุจริตของพนักงานได้อีกด้วย

บทสรุป

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือเช่าตู้เวนดิ้ง ทำการบ้าน ควรหาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะมีหลายปัจจัยให้คุณต้องลองศึกษา รวมถึงการตรวจสอบธุรกิจคู่แข่งของคุณทั้งเล็กและใหญ่ และสุดท้าย ทุกธุรกิจมีความแตกต่างกัน คุณควรเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด เพื่อความสำเร็จในระยะยาว